สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องธรรมะแบบสบายๆ สไตล์บ้านๆ ที่คนต่างจังหวัดอย่างเราๆ ก็ เข้าใจพุทธแท้ ได้ไม่ยาก ไม่ต้องท่องตำราเยอะแยะ ไม่ต้องนั่งสมาธินานเป็นชั่วโมง ขอแค่เปิดใจ แล้วมาลองพิจารณาไปพร้อมกัน
ทำไมถึงบอกว่า “พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เชื่อ”?
หลายคนอาจจะงงว่า อ้าว! แล้วที่ผ่านมาเราเชื่ออะไรกันอยู่? ก็เชื่อตามๆ กันมา เชื่อตามที่ผู้ใหญ่สอน เชื่อตามตำราที่ว่าดี แต่จริงๆ แล้ว หัวใจสำคัญของพุทธศาสนา ไม่ใช่การเชื่อแบบไร้เหตุผลครับ พระพุทธเจ้าทรงเน้นย้ำเรื่อง “การพิสูจน์ด้วยตนเอง” หรือที่เรียกว่า “กาลามสูตร” นั่นเอง
กาลามสูตรคืออะไร? ทำไมต้องรู้?
กาลามสูตรเป็นหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะที่เมืองเกสปุตตนิคม แคว้นโกศล ในสมัยนั้นมีนักบวชหลายลัทธิ ต่างคนต่างอวดอ้างว่าคำสอนของตนดีเลิศ ทำให้ชาวบ้านสับสนไม่รู้จะเชื่อใครดี พระพุทธองค์จึงตรัสสอนหลักปฏิบัติ 10 ประการ ที่เราควรใช้พิจารณาก่อนจะปักใจเชื่อสิ่งใดๆ ครับ ลองมาดูกันทีละข้อแบบง่ายๆ:
- อย่าเพิ่งเชื่อเพราะฟังตามกันมา (มา อนุสฺสวเนน): ไม่ใช่ว่าใครพูดอะไรมาแล้วเราจะเชื่อตามไปหมดนะครับ ต้องคิดตามด้วย
- อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถือสืบๆ กันมา (มา ปรมฺปราย): ของเก่า ของโบราณ ไม่ได้แปลว่าถูกเสมอไป ต้องพิจารณาให้ดี
- อย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ (มา อิติกิราย): ข่าวลือสมัยนี้ไปไวจะตาย บางทีก็มั่วซั่วซะเยอะ
- อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีในตำรา (มา ปิฏกสมฺปทาเนน): แม้แต่ในตำราก็ต้องใช้ปัญญาพิจารณา ไม่ใช่ท่องจำแล้วเชื่อตามเป๊ะๆ
- อย่าเพิ่งเชื่อเพราะตรรกะ (มา ตกฺกเหตุ): การใช้เหตุผลตามหลักตรรกะก็สำคัญ แต่บางทีตรรกะของเราก็อาจจะไม่สมบูรณ์
- อย่าเพิ่งเชื่อเพราะอนุมาน (มา นยเหตุ): การคาดคะเนเอาเองก็อาจผิดพลาดได้
- อย่าเพิ่งเชื่อเพราะตรึกตามลักษณะอาการที่ปรากฏ (มา อาการปริวิตกฺเกน): เห็นอะไรตรงหน้าแล้วตีความเอาเอง อาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริง
- อย่าเพิ่งเชื่อเพราะตรงกับความคิดของตน (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา): ถ้าอะไรที่ตรงกับใจเราก็เชื่อไปหมด แบบนี้ก็อันตรายนะครับ
- อย่าเพิ่งเชื่อเพราะดูน่าเชื่อถือ (มา ภพฺพรูปตา): คนพูดดูน่าเชื่อถือ แต่งตัวดี มีตำแหน่ง บางทีก็ไม่ได้แปลว่าสิ่งที่เขาพูดจะจริงเสมอไป
- อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเป็นครูของตน (มา สมโณ โน ครูติ): แม้แต่ครูบาอาจารย์ที่เคารพรัก ก็ต้องใช้ปัญญาพิจารณาคำสอนของท่านก่อน
เห็นไหมครับว่า พระพุทธเจ้าทรงเน้นย้ำให้เราใช้ปัญญา คิดพิจารณาด้วยตัวเอง ไม่ใช่เชื่อตามกันไปง่ายๆ เพราะการเชื่ออย่างงมงายอาจนำไปสู่ความผิดพลาดได้
แล้วจะ เข้าใจพุทธแท้ ได้ยังไง?
เมื่อกี้เราพูดถึง “อย่าเพิ่งเชื่อ” แล้วทีนี้จะเชื่ออะไรล่ะ? พระพุทธองค์ทรงสอนต่อท้ายกาลามสูตรว่า เมื่อใดที่เราสอบสวนจนรู้ด้วยตัวเองว่า ธรรมเหล่านั้นเป็นอกุศล มีโทษ ก็ให้ละทิ้งไป แต่ถ้าสอบสวนจนรู้ด้วยตัวเองว่า ธรรมเหล่านั้นเป็นกุศล ไม่มีโทษ ก็ให้ยึดถือปฏิบัติ
นี่แหละครับ คือหัวใจของการ เข้าใจพุทธแท้ ไม่ใช่แค่รู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดีจากคนอื่นบอก แต่ต้องรู้ด้วยตัวเองจากการลงมือปฏิบัติและพิสูจน์ การปฏิบัติในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการเข้าวัดนั่งสมาธิอย่างเดียว แต่รวมถึงการนำหลักธรรมคำสอนมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันของเราด้วย
“พุทธแท้” ไม่ได้อยู่ที่พิธีกรรม แต่อยู่ที่ “การลงมือทำ”
หลายคนอาจคิดว่า การเป็นชาวพุทธที่ดีคือการเข้าวัด ทำบุญ ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่ดีนะครับ แต่ถ้าเราทำโดยไม่ เข้าใจพุทธแท้ ของคำสอน มันก็อาจจะเป็นแค่พิธีกรรมภายนอก พระพุทธเจ้าทรงเน้นเรื่องการปฏิบัติเพื่อเอาชนะข้อบกพร่องภายในใจของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นความโกรธ ความโลภ ความหลง
การ เข้าใจพุทธแท้ คือการเข้าใจแก่นแท้ของธรรมะที่ว่า “ทุกข์เกิดขึ้นเพราะอะไร และจะดับทุกข์ได้อย่างไร” เมื่อเราเข้าใจตรงนี้ เราก็จะรู้ว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการคิด การพูด หรือการกระทำ มันนำไปสู่ความสุขที่แท้จริง หรือนำไปสู่ความทุกข์กันแน่
เหมือนกับการปลูกต้นไม้ ถ้าเราอยากให้ต้นไม้ออกดอกออกผล เราก็ต้องลงมือพรวนดิน รดน้ำ ใส่ปุ๋ย ไม่ใช่แค่ยืนมองเฉยๆ แล้วหวังว่ามันจะโตขึ้นมาเอง ธรรมะก็เหมือนกันครับ ถ้าเราอยากจะ เข้าใจพุทธแท้ เราก็ต้องลงมือปฏิบัติด้วยตัวเองนี่แหละครับ
เริ่มต้น เข้าใจพุทธแท้ ได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน
สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ใช่พระ ไม่ใช่ผู้บวช เราก็สามารถ เข้าใจพุทธแท้ และนำธรรมะมาใช้ในชีวิตได้ง่ายๆ ครับ
- ฝึกสติ: รู้ตัวอยู่เสมอว่าตอนนี้เรากำลังทำอะไร คิดอะไร รู้ว่าใจเราเป็นสุขหรือทุกข์ เพื่อจะได้แก้ไขได้ทันท่วงที
- ลดละเลิกสิ่งไม่ดี: อะไรที่รู้ว่าทำแล้วเป็นทุกข์ ทำแล้วเดือดร้อนทั้งตัวเองและผู้อื่น ก็พยายามลด ละ เลิกไปเสีย
- ทำแต่ความดี: อะไรที่ทำแล้วสบายใจ ทำแล้วเป็นประโยชน์ต่อตัวเองและส่วนรวม ก็พยายามทำให้มากยิ่งขึ้น
- ใช้ปัญญาพิจารณา: ไม่ว่าจะรับข่าวสารอะไรมา หรือได้ยินคำสอนอะไรมา ให้ใช้กาลามสูตรที่คุยกันไปเมื่อกี้มาพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจเชื่อหรือทำตาม
- ไม่ยึดติด: การยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทอง ชื่อเสียง หรือแม้แต่ความคิดเห็นของตัวเอง ก็ล้วนแต่เป็นบ่อเกิดของความทุกข์ การปล่อยวางบ้างก็จะทำให้ใจเราเป็นสุขมากขึ้น
ทำไมการ เข้าใจพุทธแท้ จึงสำคัญในยุคนี้?
ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารไหลบ่าเข้ามาไม่หยุดหย่อน อะไรจริง อะไรปลอมแยกแยะยากเต็มที การมีหลักคิดแบบพระพุทธเจ้าที่สอนให้ “อย่าเพิ่งเชื่อ แต่ให้ลองด้วยตนเอง” ยิ่งมีความสำคัญมากครับ
การ เข้าใจพุทธแท้ จะช่วยให้เรามีภูมิคุ้มกัน ไม่หลงเชื่ออะไรง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของลัทธิต่างๆ ที่อ้างว่าดีอย่างโน้นอย่างนี้ หรือแม้แต่เรื่องงมงายต่างๆ ที่อาจทำให้เราเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา เมื่อเรามีปัญญาพิจารณาด้วยตัวเอง เราก็จะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข ไม่ต้องแบกความทุกข์ที่ไม่จำเป็นเอาไว้
บทสรุป: เข้าใจพุทธแท้ คือการเดินทางด้วยตัวเอง
สุดท้ายนี้ อยากจะบอกว่า การ เข้าใจพุทธแท้ ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลยครับ มันคือการที่เราเปิดใจเรียนรู้ สังเกต แล้วลงมือปฏิบัติด้วยตัวเอง เหมือนกับการที่เราเรียนรู้เรื่องอะไรสักอย่าง เราจะเข้าใจมันอย่างลึกซึ้งก็ต่อเมื่อเราได้ลองทำจริง ได้ประสบกับมันจริง
พระพุทธเจ้าทรงเป็นเหมือนครูผู้ชี้ทาง ไม่ได้บังคับให้เราเดินตาม แต่ทรงแนะนำเครื่องมือและวิธีการให้เราไปค้นพบความจริงด้วยตัวเราเองครับ เมื่อเราได้ลองพิสูจน์แล้วเห็นผลด้วยตัวเอง นั่นแหละครับคือการ เข้าใจพุทธแท้ อย่างถ่องแท้ และเป็นความสุขที่ยั่งยืนจริงๆ
ถ้าบทความนี้เป็นประโยชน์และทำให้ท่าน เข้าใจพุทธแท้ มากขึ้น
อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อนๆ หรือคนในครอบครัวได้อ่านกันนะครับ
ขอให้ทุกท่านพบเจอแต่ความสุข ความเจริญในชีวิต มีปัญญาผ่องใส
และสามารถนำธรรมะไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดนะครับ สาธุ!