จากสายธรรมะสู่สายมู: ความเชื่อแบบไทยๆ ที่อยู่ในใจคนทุกยุค – คนไทยเราผูกพันกับความเชื่อมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล ไม่ว่าจะอยู่ในยุคไหนสมัยไหน ความเชื่อก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของเราเสมอมา จากเดิมที่มักเน้นหนักไปทางสายธรรมะ พึ่งพาหลักธรรมคำสอนทางศาสนาพุทธ ปัจจุบันนี้กลับมีคำยอดฮิตอย่าง “สายมู” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทยจำนวนมาก และดูเหมือนว่ากระแสความเชื่อแบบสายมูจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นวัฒนธรรมสมัยนิยม (Pop Culture) ที่ใครๆ ก็ให้ความสนใจ แล้วสายมูคืออะไร มีที่มายังไง ทำไมคนไทยถึงอินกับเรื่องนี้กันนักหนา วันนี้เราจะพาไปเจาะลึกเรื่องราวของ สายมู กันแบบเข้าใจง่ายๆ สไตล์คนบ้านเดียวกัน
“สายมู” คืออะไร มาจากไหน?
คำว่าสายมูเป็นคำย่อมาจาก “มูเตลู” ที่หลายคนอาจจะคุ้นหูกันดี ที่มาของคำนี้มาจากภาพยนตร์สยองขวัญสัญชาติอินโดนีเซียเรื่อง “มูเตลู ศึกไสยศาสตร์” ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) ในเรื่องมีการใช้มนตร์ดำร่ายคาถาที่มีคำว่า “มูเตลู มูเตลู” รวมอยู่ด้วย ซึ่งหมายถึงการใช้ไสยศาสตร์นั่นเอง
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความหมายของ “มูเตลู” ได้ถูกตีความและขยายความออกไปในด้านบวกมากขึ้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องไสยศาสตร์มนต์ดำอีกต่อไป ปัจจุบัน สายมูจึงหมายถึงผู้ที่สนใจในเรื่องของความเชื่อ สิ่งลี้ลับ ของขลัง ไสยศาสตร์ โหราศาสตร์ การดูไพ่ การเสริมดวงและโชคชะตา รวมถึงการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่เชื่อว่าจะช่วยเสริมขวัญและกำลังใจ บันดาลให้ชีวิตราบรื่น ประสบความสำเร็จในสิ่งที่มุ่งหวัง ทั้งด้านการงาน การเงิน และความรัก
กระแสสายมูเริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายในประเทศไทยช่วงที่มีการบูชาเครื่องรางของขลัง เช่น ตะกรุด กำไลเสริมดวง หรือหินสีมงคล ยิ่งเมื่อคนดัง ดารา นักแสดง หรืออินฟลูเอนเซอร์หันมาบูชาและใช้เครื่องรางเหล่านี้ ก็ยิ่งทำให้คนทั่วไปสนใจและหามาบูชาตามกันมากขึ้น จนกลายเป็นเทรนด์ฮิตที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาลให้กับธุรกิจสายมู
ทำไมคนไทยถึงกลายเป็น “สายมู” กันเยอะขึ้น?
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองที่ไม่แน่นอนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คนอย่างมาก ความไม่แน่นอนเหล่านี้ทำให้คนไทยจำนวนมากหันมาพึ่งพา “ความเชื่อ” เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เพื่อเสริมขวัญและกำลังใจ ให้สามารถก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้
ผลสำรวจจากนิด้าโพลในปี พ.ศ. 2566 (2023) ชี้ให้เห็นว่าคนไทยกว่า 52 ล้านคนมีความเชื่อเรื่องโชคลาง และเกือบ 30% ของคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธเป็นสายมูโดยสิ่งที่ขอพรจากการกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดคือเรื่องสุขภาพ รองลงมาคือเรื่องการเงินโชคลาภ และหน้าที่การงาน
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงด้านศาสนาและการเปิดกว้างทางวัฒนธรรมก็มีส่วนทำให้สายมูเติบโตขึ้น ความเชื่อดั้งเดิมของไทยมีการผสมผสานกันระหว่างพุทธ พราหมณ์ และความเชื่อเรื่องผีมาอย่างยาวนาน ซึ่งความเชื่อเหล่านี้ได้หลอมรวมเข้ากับยุคสมัยใหม่ กลายเป็นสายมูที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนในปัจจุบัน
กิจกรรมและของมงคลยอดฮิตของสายมู
กิจกรรมของเหล่าสายมูมีหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น:
- การดูดวง: การดูดวง โหราศาสตร์ ไพ่ยิปซี เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจ และช่วยคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
- การบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์: มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มากมายที่ได้รับความนิยมจากสายมูทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นวัด โบราณสถาน หรือศาลเจ้าต่างๆ เช่น ไอ้ไข่วัดเจดีย์ จ.นครศรีธรรมราช, พญาเต่างอย จ.สกลนคร, เซียนแปะโรงสี จ.ปทุมธานี, ท้าวเวสสุวรรณ, พระพิฆเนศ, พระแม่ลักษมี, หลวงพ่อทันใจ หรือแม้แต่วัดแขกสีลม
- การเช่าเครื่องรางของขลังและวัตถุมงคล: ของมงคลที่ได้รับความนิยมมีหลากหลายรูปแบบ เช่น ตะกรุด, หินสีมงคล (เช่น หิน Rose Quartz เพื่อความรัก), ปี่เซียะ, แมวกวัก, วอลเปเปอร์เสริมดวงบนมือถือ, หรือแม้แต่เลขต่อท้ายไลน์ เครื่องรางเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่รูปแบบเดิมๆ แต่มีการออกแบบให้เข้ากับยุคสมัย กลายเป็นเครื่องประดับแฟชั่นที่สวยงามและมีความหมาย
- การทำพิธีกรรมเสริมดวง: เช่น การแก้ปีชง, การสะเดาะเคราะห์, การปล่อยปูหน้าเขียง (เชื่อว่าเป็นการตัดกรรม)
สายมู ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความเชื่อส่วนบุคคลอีกต่อไป แต่ยังส่งผลต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศด้วย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยังได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศรัทธา ภายใต้โครงการ “เสริมพลังบุญ หนุนพลังใจ” โดยรวบรวมสถานที่สายมูสำคัญๆ ทั่วไทย
ความเชื่อที่อยู่คู่คนไทยทุกยุคทุกสมัย
ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปแค่ไหน เทคโนโลยีจะก้าวหน้าเพียงใด แต่ความเชื่อและศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงหยั่งรากลึกอยู่ในจิตใจของคนไทยเสมอมา จากสายธรรมะที่ยึดหลักพุทธศาสนาเป็นแกนหลัก ก็ถูกเติมเต็มด้วยความเชื่อเรื่องโชคลาง สิ่งลี้ลับ และพิธีกรรมต่างๆ จนกลายมาเป็นสายมูในแบบที่เราเห็นกันทุกวันนี้
แม้สายมูจะดูเหมือนเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติที่พิสูจน์ไม่ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ แต่สำหรับหลายๆ คนแล้ว การได้มีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ การได้ทำในสิ่งที่เชื่อมั่น ทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจ มีกำลังใจที่จะสู้กับปัญหา และมีความหวังที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสายมูหรือไม่ การมีสติ การทำความดี และการใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท ก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่จะช่วยให้เราทุกคนมีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างยั่งยืน
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าบทความนี้โดนใจคุณ อย่าลืมแบ่งปันความรู้ดีๆ เกี่ยวกับสายมูให้เพื่อนๆ และคนที่คุณรักได้อ่านกันด้วยนะคะ ขอให้ทุกท่านที่แชร์บทความนี้ พบเจอแต่ความสุข ความเจริญ และประสบความสำเร็จในทุกๆ สิ่งที่ปรารถนาค่ะ! สาธุ!